Education for Success logo

Explorer posts by categories

Time Management จัดการเวลายังไงให้ชีวิตปัง! ฉบับน้องๆ มัธยม

Time Management จัดการเวลายังไงให้ชีวิตปัง! ฉบับน้องๆ มัธยม

Time Management จัดการเวลายังไงให้ชีวิตปัง! ฉบับน้องๆ มัธยม

สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน! Education for Success วันนี้พี่ขอพาทุกคนมาอัปเกรดสกิลการจัดการเวลา (Time Management) แบบที่ชีวิตง่ายขึ้น ดูคูลขึ้น และที่สำคัญคือช่วยให้เกรดปังด้วยนะ! บางคนอาจจะบอกว่า “โหยพี่ ผม/หนูงานเยอะมาก อ่านหนังสือไม่ทัน ไหนจะซ้อมกีฬา ไหนจะกิจกรรมชมรมอีก บางทีนอนก็ไม่พอ” เอาล่ะ ถึงเวลาที่พี่จะมาเล่าเคล็ด(ไม่)ลับ ที่จะช่วยน้องบริหารเวลาให้ดีขึ้น จะได้ไม่ต้องหัวฟู แถมมีเวลาพักผ่อนและสนุกกับชีวิตอีกด้วย!


1. ทำไมการจัดการเวลาถึงสำคัญ: ชีวิตดีถ้าเราบริหารเวลาได้

  1. สบายใจ ไม่เครียดง่าย (Less Stress) รู้ไหมว่า ถ้าเราวางแผนทุกอย่างเป็นระบบ ชีวิตเราจะไม่โกลาหล ช่วยลดความเครียดลงไปเยอะเลยนะครับ
  2. มีเวลาทำอย่างอื่นที่รัก (More Free Time) ยิ่งเราใช้เวลาคุ้มเท่าไร ก็ยิ่งเหลือเวลาไปทำกิจกรรมที่ชอบได้มากขึ้น ไม่ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน เล่นเกม ออกกำลังกาย หรือดูซีรีส์เรื่องโปรด
  3. เกรดดีขึ้น (Better Grades) การจัดตารางอ่านหนังสือหรือทำการบ้านแบบมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เราโฟกัสได้ดีขึ้น คะแนนก็ตามมาแบบปังปุริเย่!
  4. ไม่เหนื่อยล้าเกินไป (Improved Health) ถ้าเรารู้ว่าควรพักตอนไหน เริ่มตอนไหน เราจะไม่เผลอ “โหมงานหนัก” จนร่างกายแย่ และยังได้เวลานอนที่เพียงพอ

2. ต้นทางสู่เป้าหมาย: ตั้งเป้าให้ชัด (SMART Goals)

ก่อนจะจัดการเวลา ต้องรู้ก่อนว่าเราอยากได้ผลลัพธ์แบบไหน เป้าหมายเป็นเหมือนเข็มทิศ ชี้ทางให้เราเดินนะครับ

  • S (Specific): ระบุให้ชัดว่าจะทำอะไร เช่น “อยากได้เกรด 3.50 ขึ้นไปเทอมนี้”
  • M (Measurable): วัดผลได้ เช่น “ตั้งใจให้เกรดคณิตเพิ่มจาก 2.5 เป็น 3.0 ในเทอมหน้า”
  • A (Achievable): ต้องทำได้จริง ไม่เพ้อฝันเกินไป
  • R (Relevant): สอดคล้องกับอนาคต หรือความถนัดที่เราอยากพัฒนา
  • T (Time-Bound): กำหนดเวลา ให้รู้ว่า “ต้องทำให้สำเร็จก่อนปิดเทอมหน้า”

พอตั้งเป้าแบบ SMART น้องก็จะเห็นภาพชัดว่าอะไรเร่งด่วน อะไรทำเมื่อไร แบบนี้จะช่วยเราวางแผนเวลาได้เป๊ะขึ้นครับ


3. มีแผนแล้วสบายใจขึ้น: ตารางเวลาทรงพลัง

3.1 ตารางหลัก (Master Schedule)

  • จดทุกอย่างในที่เดียว
    ไม่ว่าจะเป็นปฏิทินโทรศัพท์หรือไดอารี่ จัดการจดวันสอบ กิจกรรมโรงเรียน วันส่งงาน แผนท่องเที่ยวกับเพื่อน ให้มันอยู่ในที่เดียว
  • รีวิวทุกสัปดาห์
    ดูว่ามีดีลใหญ่ๆ อย่างวันสอบหรือกิจกรรมครั้งสำคัญใกล้เข้ามารึยัง จะได้ไม่พลาด

3.2 ลิสต์สิ่งที่ต้องทำรายวัน (Daily To-Do List)

  • เช็กทุกเช้าหรือก่อนนอน
    เพื่อบอกตัวเองว่า “พรุ่งนี้ฉันต้องทำอะไรบ้าง” และอาจเรียงลำดับสำคัญก่อน-หลังด้วยนะ
  • อย่าเขียนเยอะเกินไป
    เพราะถ้าเขียนเกินจริง แล้วทำไม่หมด จะหมดกำลังใจได้ง่าย

3.3 แบ่งงานใหญ่เป็นชิ้นเล็ก

  • ถ้ามีโปรเจ็กต์ใหญ่ เช่น รายงาน 20 หน้า ให้แบ่งเป็น “ค้นข้อมูล > อ่านสรุป > เขียนโครงเรื่อง > ลงมือเขียน > ตรวจแก้” แล้วกำหนดเวลาทำทีละขั้น การแบ่งงานเป็นชิ้นเล็กช่วยให้เราไม่เครียดและไม่ขี้เกียจนะครับ

4. เรียงลำดับความสำคัญ: ทำอะไรก่อนดีนะ? (Prioritization Techniques)

4.1 ABC Method

  1. A Tasks: สำคัญและเร่งด่วน เช่น ทำรายงานส่งพรุ่งนี้
  2. B Tasks: สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน เช่น เตรียมอ่านสอบที่จะมีในอีก 2 สัปดาห์
  3. C Tasks: ไม่เร่งด่วน ไม่จำเป็นต้องทำทันที เช่น จัดโต๊ะทำงานใหม่ หรือเล่นเกม

เริ่มวันด้วย A Tasks ก่อนเสมอ ทำเสร็จค่อยไป B จนถ้ามีเวลาเหลือจะไปจัดการ C ก็ยังได้

4.2 Eisenhower Matrix

แบ่งกิจกรรมออกเป็น 4 ช่อง

  1. เร่งด่วน + สำคัญ (ทำเลย)
  2. ไม่เร่งด่วน + สำคัญ (วางแผนทำ)
  3. เร่งด่วน + ไม่สำคัญ (ทำให้เสร็จเร็วๆ หรือมอบหมายคนอื่นช่วยถ้าได้)
  4. ไม่เร่งด่วน + ไม่สำคัญ (ตัดออกไปได้ยิ่งดี)

พอเราเห็นภาพรวม จะรู้ว่าต้องโฟกัสงานกลุ่มไหนก่อน ไม่เครียดด้วย แถมมีเหตุผลรองรับว่า “ทำไมฉันถึงทำงานนี้ก่อนงานนั้น”


5. โฟกัสยังไงให้เวิร์ก? (Techniques for Staying Focused)

5.1 เทคนิค Pomodoro

  1. ทำงาน 25 นาทีเต็มที่ (หรือแล้วแต่เหมาะสม)
  2. พัก 5 นาที พักสายตา ยืดเส้นยืดสาย ดื่มน้ำ
  3. กลับมาทำต่ออีก 25 นาที แล้วพัก 5 นาทีอีกครั้ง
  4. ทำ 4 รอบแล้วค่อยพักยาว 15-20 นาที

เทคนิคนี้ช่วยไม่ให้สมองล้าเกินไป และถ้ารู้ตัวว่าเรามีสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมง ก็นับว่าดีสุดๆ เลย

5.2 ตัดสิ่งรบกวน

  • ตั้งโหมดห้ามรบกวนในโทรศัพท์: เวลาทำงานก็ปิดแจ้งเตือนโซเชียลไปเลย
  • ล็อกแอปชั่วคราว: ถ้าชอบเผลอสไลด์จอสายโซเชียล ลองใช้แอปตั้งเวลาบล็อก Facebook, Instagram, TikTok เวลาที่ต้องอ่านหนังสือ
  • จัดพื้นที่ให้มีระเบียบ: ถ้าโต๊ะโล่งๆ เราก็จะมีสมาธิได้ดีกว่าเยอะ

6. ผัดวันประกันพรุ่ง (Procrastination) ทำไงดี?

เคยไหม? “เดี๋ยวค่อยทำ… เดี๋ยวค่อยอ่าน…” จนใกล้วันสอบแล้วตายสนิท edu- มีเคล็ดลับ!

  1. แบ่งงานใหญ่เป็นงานเล็ก
    งานใหญ่ๆ จะดูไม่น่ากลัว ถ้าเราแยกเป็นส่วนย่อยให้ทำได้วันละนิด
  2. ให้รางวัลตัวเอง
    เช่น บอกตัวเองว่า “ถ้าทำโจทย์คณิตครบ 10 ข้อ จะพักดูคลิปยูทูบ 10 นาที” อะไรแบบนี้
  3. หาเพื่อนช่วยเตือน
    ให้เพื่อนสนิทหรือครอบครัวคอยถามว่าทำการบ้านหรือยัง จะช่วยกระตุ้นเราแบบไม่ต้องเครียดคนเดียว

7. เรียนก็ได้ เที่ยวก็ได้ พักก็สำคัญ (Balancing Study, Rest, and Leisure)

7.1 การพักผ่อนและนอนให้พอ

  • นอนสัก 7-8 ชั่วโมง ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัว และสมองปลอดโปร่งพร้อมจดจำบทเรียน
  • รักษาเวลานอนสม่ำเสมอ: พยายามนอนและตื่นเวลาใกล้เคียงกันในแต่ละวัน จะช่วยให้ไม่มีอาการงัวเงีย

7.2 มีเวลาผ่อนคลาย

  • กำหนดเวลาสนุก: จะดูหนัง ฟังเพลง เล่นกีฬากับเพื่อน กำหนดวันหรือช่วงเวลาให้ชัดในตาราง
  • อยู่กับเพื่อนหรือครอบครัว: ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้หัวเราะหรือได้พูดคุยกับคนสนิทเป็นการชาร์จพลังที่ดีมาก

8. ติดตามผลและปรับเปลี่ยน (Monitoring and Adjusting Your Plan)

  1. ทบทวนทุกสัปดาห์
    ลองถามตัวเองว่า “อาทิตย์นี้จัดการเวลาโอเคไหม?” “อะไรเสียเวลาเกินไป?” แล้วแก้ไขสัปดาห์ถัดไปให้ดีขึ้น
  2. ถ้าเจอปัญหา
    ลองดูว่าปัญหาเกิดจากอะไร ต้องเลื่อนเวลานอน หรือควรจัดลำดับงานใหม่? เมื่อปรับให้ตรงจุด ทุกอย่างจะดีขึ้น
  3. ชมตัวเองบ้าง
    เวลาเราทำเป้าหมายเล็กๆ สำเร็จ อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองนะครับ!

9. สรุปทุกอย่างแบบย่อ

  • กำหนดเป้าหมายให้ชัด (SMART): จะได้รู้ว่าต้องทำอะไรให้ถึงเป้าหมาย
  • มีตารางรวม + To-Do List รายวัน: จัดลำดับก่อน-หลังให้ชัด ไม่งง ไม่ลน
  • เรียงความสำคัญ (ABC / Eisenhower): เริ่มจากงานเร่งด่วนและสำคัญก่อนเสมอ
  • ใช้เทคนิคโฟกัส (Pomodoro): ไม่ล้าสมอง พักบ้าง ตาใส สมาธิดี
  • เลิกผัดวันประกันพรุ่ง: แบ่งงานเป็นชิ้นเล็กๆ ตั้งรางวัลเล็กๆ ให้ตัวเอง
  • จัดสมดุลชีวิต (Balance): พักผ่อนและมีช่วงเวลากับเพื่อน/ครอบครัว
  • ทบทวนและแก้ไข: ดูว่าอะไรโอเค อะไรต้องปรับ เพื่อพัฒนาต่อไป

ปิดท้ายจาก edu-

เป็นไงบ้างครับน้องๆ ลองเอาเทคนิคพวกนี้ไปใช้ดูนะ ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่า “เฮ้ย มันเวิร์กจริงว่ะ” ก็อย่าลืมบอกต่อเพื่อนๆ หรือแชร์กันเยอะๆ เพราะพี่เชื่อว่า “การจัดการเวลา” คือหัวใจหลักที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น ลดความเครียด รู้สึกบาลานซ์ในการใช้ชีวิตมากขึ้น และยังเหลือเวลาให้ตัวเองได้ทำสิ่งที่ชอบอย่างเต็มที่

สุดท้ายนี้ พี่ขอให้น้องๆ ทุกคนสนุกกับการเรียน รู้จักบริหารเวลาจนชีวิตไปได้สวย และอย่าลืมใช้ทุกวันให้คุ้มค่านะครับ! สู้ๆ นะครับทุกคน! edu- เอาใจช่วย!

profile image of Saifa

Saifa

สายฟ้า (Sai Fa) is a writer based in Bangkok. He's interested in all things tech, science, photography, and games related.

Read all posts of Saifa